วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

หลวงปู่นาม(พระครูสุวรรณศาสนคุณ)


 หลวงปู่นาม (พระครูสุวรรณศาสนคุณ) วัดน้อยชมภู่


        พระครูสุวรรณศาสนคุณ" พระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมแห่งเมืองสุพรรณบุรีมีพลังจิตเข้มขลัง วิทยาคมแก่กล้าชาวบ้านต่างเรียกขานนามท่านว่า "หลวงปู่ผู้เฒ่า" หรือหลวงปู่นาม หรือพระอุปัชฌาย์นา


ปัจจุบัน พระครูสุวรรณศาสนคุณ สิริอายุ 88 พรรษา 67 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู่ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์จ.สุพรรณบุรี


อัตโนประวัติ พระครูสุวรรณศาสนคุณ มีนามเดิมว่า นาม ไม่ทราบนามสกุล เกิดเมื่อปีพ.ศ.2464 เป็นชาวเมืองสุพรรณบุรีโดยกำเนิด สำหรับประวัติชื่อโยมบิดา-มารดาและประวัติในวัยเด็ก ไม่สามารถสืบค้นได้ แม้กระทั่งตัวหลวงปู่เองก็จำเหตุการณ์ในช่วงวัยเด็กไม่ค่อยได้

         ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่ออายุ 21 ปี ณพัทธสีมาวัดบ้านกร่าง โดยมีพระเมธีธรรมสาร (ไสว) วัดบ้านกร่างเป็นพระอุปัชฌาย์และพระปลัดทวี (หลานหลวงพ่อมุ้ย)เป็นพระกรรมวาจาจารย์

        ภายหลังอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิทยาคมกับพระเมธีธรรมสาร(ไสว) วัดบ้านกร่าง พระอุปัชฌาย์ของท่านควบคู่กับการศึกษามูลกัจจายน์ บาลี อักษรขอม ไทยน้อย อักษรลาว ทำให้ท่านมีความรู้ทางด้านอักขระโบราณอีกแขนงหนึ่ง

ในพรรษาที่ ท่านได้ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดน้อยชมภู่(เป็นวัด วัดมารวมกัน วัดเก่ามาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาคือ วัดน้อยกับวัดชมภู่ รวมกันเรียกว่า วัดน้อยชมภู่) วัดนี้มีพระเกจิชื่อดังมาแต่เดิม ทำน้ำพระพุทธมนต์ให้เจ้านายสมัยก่อน

      ท่านได้มาอยู่กับหลวงปู่ขำ เจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู่ หลวงปู่ขำ เป็นศิษย์ในสายหลวงพ่อเฒ่าวัดค้างคาว กับหลวงพ่ออิ่มวัดหัวเขา ต่อมา ท่านได้ไปอยู่กับหลวงปู่เหมือน ผู้เป็นศิษย์หลวงพ่อเนียม แห่งวัดน้อยและหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

หลวงปู่เหมือน เป็นพระอภิญญา ท่านได้สั่งสอนถ่ายทอดสรรพวิชาให้ท่านมากมายกล่าวกันว่า หลวงปู่เหมือนสามารถเสกตัวต่อให้เต็มวัด เพื่อไล่ขโมยหรือเสกข้าวให้ออกรวงทั่ววัดเพื่อเลี้ยงพระทั้งวัดก็ได้ เสกใบมะขามเป็นฝูงผึ้งไล่ลิง ที่เข้ามาทำลายข้าวของในวัด

        ดังนั้น หลวงปู่นามจึงได้วิชาในสายหลวงปู่เหมือนมาอย่างเอกอุ พุทธาคมนี้หลวงปู่นามไม่เป็นสองรองใครแต่ท่านไม่พูดท่านเงียบเฉยเหมือนหลวงตาเฝ้าวัด แม้แต่หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองสุพรรณอีกรูปหนึ่ง ยังมีความสนิทสนมถูกอัธยาศัยกับหลวงปู่นาม ส่วนหลวงปู่นามยังเคยไปอยู่จำพรรษาที่วัดหลวงพ่อมุ่ยหลายครั้ง

        ตอนที่หลวงพ่อฉาบวัดคลองจันทร์ ยังมีชีวิตอยู่ คนมาขอพระเครื่อง ท่านยังบอกว่า"ที่สุพรรณ หมดหลวงพ่อมุ่ยต้องไปหาพระอาจารย์นาม วัดน้อยฯ เขาเก็บไว้หมด"

ในสมัยหนุ่มหลวงปู่นามไปเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งสรรพวิชาต่อยอดในสายสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ท่านยังเป็นสหธรรมิกกับท่านเจ้าคุณผันและท่านเจ้าคุณเที่ยง (เจ้าอาวาสวัดระฆังฯ รูปปัจจุบัน) ท่านเจ้าคุณทั้งสองยังเรียกขานหลวงปู่นามว่า"หลวงพี่"

หลวงปู่นามปลุกเสกพระเครื่อง เพื่อแจกลูกศิษย์ แต่ไม่ได้จัดพิธีใหญ่โตคนที่ได้รับไป ล้วนมีประสบการณ์ทุกคนหลวงปู่นาม เคยปรารภความหลังในกุฏิว่า "สมัยฉันหนุ่มๆ นะ เสกพระงบน้ำอ้อยไว้ไม่แน่ใจนะ ก็เอาใส่รถไปให้หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย ท่านเสกให้ พอเปิดกล่องท่านก็บอกว่า ผมเสกไม่เข้าแล้วท่านเสกจนจะบินแล้วนี้"

"ฉันก็ยังไม่แน่ใจ เอาอีก เอาไปให้หลวงพ่อดี วัดพระรูป ท่านเสกท่านหยิบเท่านั้นแหละ ท่านกำพระไว้ ยกมือจบยกขึ้นเหนือหัวท่านเลย หาว่าเรามาล้อท่านเล่นท่านว่า เสกจนหมุนได้แล้วนี่จะให้ผมทำอะไรอีก"

          ในด้านถาวรวัตถุท่านสร้างอุโบสถไว้หลายหลัง สร้างวิหาร กุฏิสงฆ์ปรับภูมิทัศน์บริเวณวัดน้อยชมภู่ให้เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม และแจกทุนการศึกษาส่งพระภิกษุ-สามเณรมาเรียนกรุงเทพฯทุกปี

หลวงปู่นาม หรือ พระครูสุวรรณศาสนคุณเป็นยอดพระเกจิที่ชาวเมืองสุพรรณบุรีให้ความเลื่อมใสศรัทธา ท่านเป็นคนเงียบ ไม่พูด ไม่คุยแต่ชาวเมืองสุพรรณทราบดีว่าพระรูปนี้เป็นยอดพระเกจิที่เข้มขลังขนานแท้ท่านสืบพุทธคุณสายลุ่มแม่น้ำท่าจีนและสายสุพรรณมาอย่างครบถ้วน

ปัจจุบัน หลวงปู่นามได้สร้างวัตถุมงคล อาทิ เหรียญรุ่นแรก ตะกรุดโทน เพื่อหาเงินไปสมทบทุนการศึกษาของพระภิกษุสามเณร และนักเรียนที่ยากจน ซึ่งเป็นปณิธานของหลวงปู่ผู้เฒ่าแห่งสุพรรณบุรี




ภาพบรรยากาศ,ของมงคลและรูปภาพหลวงปู่นาม














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น