วัดมะนาวจ.สุพรรณบุรี
"หลวงพ่อวัดมะนาว"พระพุทธรูปใหญ่คู่เมืองสุพรรณบุรี ประดิษฐาน ณ วัดมะนาว ต.ทับตีเหล็ก อ.เมืองจ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อวัดมะนาวมีพุทธศิลปะที่ไม่เหมือนใครด้วยผู้จัดสร้างตามจินตนาการ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเป็นวัดที่สร้างจากไม้เป็นทรงไทยหมู่ เป็นวัดที่มีความเก่าแก่อายุไม่น้อยกว่า 140-150ปี เนื้อองค์หลวงพ่อวัดมะนาวมีการสร้างจากปูนซีเมนต์จากต่างประเทศในสมัยนั้นผสมมวลสารชนิดต่างๆ เข้าไป และในองค์หลวงพ่อวัดมะนาวยังมีพระเครื่องจำนวนมากมายอยู่ด้านในองค์และใต้ฐานหลวงพ่อวัดมะนาวมีความสูง 6 เมตร หน้าตักกว้าง 5 เมตร มีสีทองทั่วองค์พระพุทธรูป ซึ่งเนื้อองค์พระมีความแข็งแรงมาก
ชาวบ้านเล่ากันว่ามีโจรมาพยายามขุดเพื่อจะเอาพระในหลวงพ่อวัดมะนาว แต่ไม่สามารถขุดและเจาะเข้าไปได้ และประดิษฐานอยู่ที่บริเวณหน้าวัดกลางแจ้งซึ่งมีการสร้างพุทธกุฏิ กว้าง 12 เมตร ยาว 24 เมตรสร้างด้วยไม้สักเป็นฝาทรงไทย ไม้ประดู่ทำพื้น และไม้ตะเคียนทำโครงสร้างครอบหลวงพ่อวัดมะนาวไว้เพื่อให้ประชาชนได้เข้าสักการะหลวงพ่อวัดมะนาว ดำเนินการสร้างเมื่อปี 2549 สร้างเสร็จเมื่อปลายปี 2551 ใช้เวลาในการสร้าง 1ปี 6 เดือน ด้วยงบประมาณกว่า 12 ล้านบาท และมีการเปิดให้ประชาชนเดินทางเข้ากราบไหว้ได้แล้วในขณะนี้
สำหรับ หลวงพ่อวัดมะนาวชาวบ้านเชื่อถือกันว่าหญิงสาวสตรีที่มีครรภ์คนใดได้ดื่มกินหรืออาบน้ำมนต์หลวงพ่อวัดมะนาว จะทำให้คลอดบุตรง่ายปลอดภัยทั้งแม่และบุตร เด็กที่คลอดออกมามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ เลี้ยงง่ายไม่มีโรคภัยเบียดเบียน
ชาวบ้านเชื่อกันว่า ผู้ใดเดินทางมากราบไหว้หลวงพ่อวัดมะนาวแล้วบ้านเรือนที่อาศัยจะไม่เกิดไฟไหม้อย่างเด็ดขาดบางรายขอให้การงานก้าวหน้า ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ซึ่งเมื่อสมประสงค์ดังใจหมายจะมีการนำภาพยนตร์หนังกลางแปลงลิเก จัดหมากพลู ขนมต้มขาว ต้มแดง มาถวาย เพื่อแก้บน
วัดมะนาวเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับนักสะสมนิยมพระเครื่องและเซียนพระทั่วไปเนื่องจากชื่อของหลวงพ่อโบ้ย พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองสุพรรณบุรี ผู้มากด้วยเมตตาธรรมมักน้อย ถือสันโดษ มีพลังจิตที่เข้มขลังอาคมที่แก่กล้า นามของท่านจึงขจรขจายไปไกลทั่วภาคกลางเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในด้านพุทธคุณ และประสบการณ์มากมายให้ประจักษ์ เลื่องลือกันมาช้านานแล้วในอดีตพระเครื่องของหลวงพ่อโบ้ย ไม่ได้รับความสนใจจากนักสะสมพระเครื่องเท่าที่ควร เพราะจำนวนพิพม์และจำนวนพระมีมากทำให้เสาะหามาสะสมได้ไม่ยากนัก แต่ในปัจจุบันหาเป็นเช่นนั้นไม่จำนวนพระเครื่อง ของหลวงพ่อโบ้ยได้ร่อยหรอและหายากขึ้นมิได้เป็นพระราคาเยาวชนเหมือนในอดีต แต่กลับกลายเป็นพระที่มีความนิยมกันอย่างกว้างขวางมากขึ้นหลวงพ่อโบ้ยเกิดเมื่อปี ๒๔๓๕ (ปีมะโรง) ไม่ทราบวันเดือนที่แน่ชัด ณ บ้านสามหมื่น ต.บางปลาม้าอ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี โยมบิดาชื่อ โฉมศรี ส่วนโยมมารดาไม่ทราบชื่ออาชีพทำนาต่อมาเมื่อปี ๒๔๕๖ อายุ ๒๑ ปี ได้อุปสมบท ณ วัดมะนาว ต.ทับตีเหล็กอ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ศึกษาพระธรรม และจำพรรษาอยู่ที่วัดมะนาว ได้ราว ๓ พรรษา จึงได้เดินทางไปศึกษาต่อด้านพระธรรมวินัยและอักขระขอม ที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) ธนบุรี เมื่อปี๒๔๕๙ จากนั้นจึงได้ศึกษาต่อด้านวิปัสสนากรรมฐาน ที่วัดอมรินทร์โฆสิตาราม เป็นเวลา๘-๙ ปี จึงได้กลับมาจำพรรษาที่วัดมะนาว ในปี ๒๔๖๖ และในปีถัดมาจึงได้มีโอกาสไปศึกษาต่อวิชาวิปัสนากรรมฐานกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเวลา ๑ พรรษาจึงได้กลับมาจำพรรษาที่วัดมะนาวต่อไป
หลวงพ่อโบ้ยเป็นพระที่ถือสมถะ สันโดษ มักน้อยไม่สะสมทรัพย์สมบัติใดๆ ได้รับกิจนิมนต์ไป โปรดญาติโยม ไปสวดมนต์ ไม่ว่าที่ใด หากญาติโยมถวายเงินปัจจัยเป็นจำนวนมากๆท่านจะ ไม่ยอมรับไว้ เหตุนี้ท่านจึงไม่ยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาส ทั้งไม่รับครองผ้ากฐินวัตรปฏิบัติของท่านที่ทำเป็นประจำคือท่านจะตื่นตั้งแต่ตีสี่ทุกวัน และทำวัตรสวดมนต์ จนกระทั่งรุ่งเช้า จึงออกไปบิณฑบาตเมื่อกลับมาถึงวัดท่านจะนิมนต์ พระทุกรูปในวัดยืนเข้าแถว แล้วจะตักข้าวในบาตรของท่านถวายแด่พระทุกรูปเป็นเช่นนี้ประจำอยู่ทุกวันดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับการสร้างวัตถุมงคลแจกฟรีโดยไม่ยอมรับปัจจัยเด็ดขาด จึงนับได้ว่าท่าน เป็นพระผู้สละแล้วซึ่งทุกสิ่ง ท่านมรณภาพเมื่อวันที่๑๘ มกราคม ๒๕๐๘ พระเครื่องของหลวงพ่อโบ้ย มีมากมายหลากหลายพิมพ์ให้ศึกษา สะสมส่วนมากที่พบมักจะเป็น พระเนื้อโลหะผสม โดยสร้างล้อพิมพ์ต่างๆ จากพระเก่า พระกรุ และพระเกจิอาจารย์ที่ท่านนับถือและมีชื่อเสียงในอดีต เช่นที่เป็นพิมพ์พระกรุ ได้แก่ พิมพ์ลีลา พิมพ์ขุนแผน(จักรนารายณ์) พิมพ์มเหศวร พิมพ์ปรุหนัง พิมพ์ซุ้มระฆัง เป็นต้น ส่วนพิมพ์ของพระเกจิอาจารย์ต่างๆได้แก่ พิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ พิมพ์ขี่ครุฑ (หลวงพ่อปาน)พิมพ์สร้อยสังวาลย์ พิมพ์งบนํ้าอ้อย พิมพ์นางกวัก พิมพ์กลีบบัว พิมพ์พระปิดตาพิมพ์นาคปรก และพิมพ์อื่นๆ อีกมากที่ได้รับการยอมรับเป็นพิมพ์มาตรฐานในการเล่นหาและสะสม พระเครื่องรุ่นแรกของหลวงพ่อโบ้ย จัดสร้างเมื่อประมาณปี ๒๔๗๓ เป็นพระเนื้อโลหะผสมโดยกระแสหลักคือทองเหลือง โดยมากเป็นฝาบาตร ขันลงหิน ช้อนทัพพี เชี่ยนหมาก เงินและทองคำที่ชาวบ้านและญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญถวายเพื่อสร้างพระเครื่องดังนั้นพระของท่านจึงมีเนื้อหาหลายกระแส เช่น เนื้อขันลงหิน บางองค์เป็นเนื้อสำริดแก่เงินและบางองค์ก็เป็นสำริดแก่ทอง สีสันและผิวพรรณจะไม่เท่ากันทุกองค์ ดังนั้นจึงต้องพิจารณาจากพิมพ์ทรงเป็นสำคัญ
พระเครื่องหลวงพ่อโบ้ยกลายเป็นวัตถุมงคลยอดนิยม ที่มีราคาเช่าบูชาไม่แพงแต่พุทธคุณยอดเยี่ยม โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาดปลอดภัย, คงกระพันชาตรี วัตถุมงคลหลวงพ่อโบ้ยมีประสบการณ์มากมาย เล่าลือกันว่า เคยมีคนโดนยิงตกน้ำยังไม่เข้ามีเพียงแต่รอยไหม้เท่านั้น และอีกรายยิงต่อสู้กับโจรปล้นบ้าน ถูกยิงอย่างแรงจนหงายหลังแต่กระสุนปืนไม่ระคายผิว ชาวสุพรรณฯ ต่างโจษขานเรื่องนี้กันไปทั่ว
ภาพบรรยากาศวัดมะนาว